การศึกษาวิจัยเชิงคุณภาพแบบวิธีปรากฎการณ์วิทยาเชิงประจักษ์
(Empirical Phenomenology An Approach for Qualitative Research)
Moustakus & Clark.(1990) กล่าวไว้ว่า ปรากฏการณ์วิทยาเชิงประจักษ์ คือ
การศึกษาแนวคิดและกระบวนการในด้านความรู้ที่เกี่ยวข้องกับมนุษย์
การสะท้อนความรู้สึก ความคิด และประสบการณ์ชีวิตที่ผ่านมา
เป็นการค้นหาพฤติกรรมของบุคคลที่แสดงออกมาโดยตรง
แมกซ์ แวน เมเนน (2000)
ซึ่งเขาได้เสนอวิธีการและขั้นตอนการศึกษาแบบปรากฏการณ์วิทยาว่า มีอยู่ 2
วิธีการหลัก ได้แก่
1) วิธีการเชิงสะท้อนกลับ (Reflective methods)
2) วิธีการเชิงประจักษ์ (Empirical methods)
โดยที่ในแต่ละวิธีก็มีการได้มาซึ่งข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่างที่แตกต่างกันไป
ซึ่งแบบแรกเป็นวิธีการเชิงสะท้อนกลับ
ซึ่งมีวิธีการหาข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่างได้แก่ Hermeneutic Interview
Reflection, Exegetical Reflection, Linguistic Reflection, Thematic
Reflection, Guided Existential Reflection, และCollaborative
Reflection, ซึ่งใน แต่ละวิธีก็มีวิธีเฉพาะเจาะจงที่แตกต่างกันออกไป
ส่วนแบบที่สองเป็นแบบวิธีการเชิงประจักษ์
ซึ่งมีวิธีการหาข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ Describing, Gathering,
Interviewing, Observing, Fictional และ Imaginal
Manen กล่าวว่า
วัตถุประสงค์หลักของวิธีการศึกษาปรากฏการณ์วิทยาเชิงประจักษ์ คือ
การได้มาซึ่งประสบการณ์ที่แตกต่างอย่างหลากหลายของผู้ให้ข้อมูล
หรือกลุ่มตัวอย่าง โดยเฉพาะจากการได้มาของเกร็ดประวัติ (Anecdotes)
เรื่องเล่า (Narrative) เรื่องราวที่แต่งขึ้น(Stories)
และการบันทึกประสบการณ์ชีวิต (Lived experience accounts)
การนำปรากฏการณ์วิทยาเชิงประจักษ์ไปใช้
การวิจัยแบบนี้มุ่งทำความเข้าใจความหมายประสบการณ์ชีวิตที่บุคคลได้ประสบ เป็นหลัก ซึ่งปรากฏการณ์ หรือเหตุการณ์ในชีวิตประจำวันที่นักวิจัยแนวปรากฏการณ์วิทยาศึกษาเป็นอะไรก็ได้ที่นักวิจัยเห็นว่ามีแง่มุมที่น่าสนใจหรือมีประโยชน์ในเชิงปฏิบัติการ ต่าง ๆ เช่น การได้เป็นแม่ การใช้ชีวิตเป็นนักบวช การประสบเหตุการณ์ที่ทำให้ผิดหวัง สูญเสีย หรือสมหวัง โดยสรุปคือ เป็นเรื่องธรรมดา หรือไม่ธรรมดาในชีวิตของคน อาจเป็นเรื่องที่สะเทือนอารมณ์ (เศร้า เหงา เสียใจ โกรธ) หรือเป็นเรื่องของความสัมพันธ์ แต่งงาน หย่า พลัดพราก ฯลฯ (ชาย โพธิสิตา, 2548 หน้า 189-190)