“Participatory Action Research: PAR เป็นการลงพื้นที่วิจัยโดยกลุ่มบุคคลร่วมกันเรียนรู้เพื่อรู้จักตัวเอง ชุมชนเเละสิ่งแวดล้อมเพื่อให้เห็นปัญหาเเละทางแก้ โดยการลงมือปฏิบัติด้วยตัวเองจนเกิดองค์ความรู้
ส่วนคำว่า เชิงปฏิบัติการ
หมายถึง การปฏิบัติงานในกิจกรรมการพัฒนาที่ควบคู่ไปกับการวิจัย
และ คำว่า การมีส่วนร่วม
หมายถึง การเข้าร่วมอย่างแข็งขันของกลุ่มบุคคลในขั้นตอนต่างๆ
ของการดำเนินกิจกรรมอย่างหนึ่ง.... Kerlinger (1988)
สรุปได้ว่า
การวิจัยเชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วม ก็คือ การแสวงหาความรู้ ความจริงที่ถูกต้อง
เชื่อถือได้ ตรวจสอบได้ โดยวิธีการทางวิทยาศาสตร์ ซึ่งมีกลุ่มบุคคลเข้ามาร่วมกันเรียนรู้เพื่อรู้จักตัวเอง
ชุมชน สิ่งแวดล้อมให้เห็นปัญหาของตัวเองและเห็นทางแก้หรือทางออกจากปัญหาโดยลงมือปฏิบัติจริงได้ผลจริงแก้ปัญหาได้จริง
ซึ่ง
“การวิจัยเชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วม
(PAR) คือ การวิจัย
ค้นว้า และหาความรู้ตามหลักการของการวิจัยเชิงวิทยาศาสตร์แบบเดิมๆ
ต่างกันเพียงแต่ว่า PAR นั้นมีวัตถุประสงค์มุ่งไปที่การแก้ปัญหาในการพัฒนา
และเป็นการวิจัยที่ดำเนินไปด้วยการมีส่วนร่วมของชุมชน ผู้ร่วมงาน
รวมทั้งในกระบวนการวิจัย และในการมีหุ้นส่วนใช้ประโยชน์ของการวิจัย”......กมล สุดประเสริฐ (2540: 8)
ซึ่งสอดคล้องกับ สุภางค์
จันทวานิช (2547: 67) กล่าวว่า
“การวิจัยเชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วม
(PAR) หมายถึง
วิธีการที่ให้ชาวบ้านเข้ามามีส่วนร่วมวิจัย เป็นการเรียนรู้จากประสบการณ์
โดยอาศัยการมีส่วนร่วมอย่างแข็งขันจากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมการวิจัย
นับตั้งแต่การกำหนดปัญหา การดำเนินการ การวิเคราะห์ข้อมูล
ตลอดจนหาแนวทางในการแก้ปัญหาหรือส่งเสริมกิจกรรม”
ทำไม ต้องเป็น PAR??
การวิจัยแบบเดิม
(Tradition Research) เป็นการวิจัยที่ใช้ผู้วิจัยเป็นศูนย์กลาง
(Researcher Center) องค์ความรู้ (Body of knowledge) อยู่ที่นักวิจัยที่เป็นคนนอกชุมชน
วิจัยเพื่อรู้ ปัญหาของคนอื่น ผลการวิจัยจึงไม่ได้นำไปใช้แก้ปัญหา
ส่วนการวิจัยเชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วมเป็นการวิจัยโดยคนในชุมชน
(Community Center) ร่วมกันเรียนรู้เรื่องชุมชนของตนเอง
เห็นปัญหาของตัวเอง เห็นทางออก หรือทางแก้ปัญหาของชุมชนร่วมกัน
และทุกคนในชุมชนร่วมกันแก้ปัญหาและรับผลของการแก้ปัญหาร่วมกัน
ซึ่งเป็นการปรับปรุงวิธีการวิจัยดั้งเดิมให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
การวิจัยเชิงคุณภาพ
เน้นการมองภาพในองค์รวม
ให้ความเคารพและให้ความสำคัญแก่คุณค่าความเป็นมนุษย์ของผู้ถูกวิจัย
เป็นการศึกษาแบบเจาะลึก และใช้ระยะเวลาศึกษายาวนาน
สร้างข้อสรุปจากหลักฐานและสิ่งที่ค้นพบ นำมารวบรวมอธิบายเป็นภาพรวมในเชิงนามธรรมมิใช่ตัวเลขทางสถิติ
การวิจัยแบบมีส่วนร่วม
เป็นการศึกษาชุมชน โดยให้สมาชิกของชุมชนเช้ามามีส่วนร่วมในการศึกษาและเก็บรวบรวมข้อมูล
รวมทั้งเป็นผู้ร่วมวิจัยด้วย แต่ไม่มีการปฏิบัติการใดๆ และยังไม่มีการนำไปประยุกต์แก้ปัญหา
การวิจัยเชิงปฏิบัติการ
เป็นกระบวนการวิจัยที่ผู้วิจัยจะเลือกหรือกำหนดกิจกรรมอย่างใดอย่างหนึ่ง ขึ้นมา
ซึ่งผู้วิจัยจะเป็นผู้พิจารณาว่าดีและเหมาะสมแล้ว
จากนั้นก็นำกิจกรรมนั้นๆมาทดลองปฏิบัติการว่าใช้ได้หรือไม่ตามสมมติฐานของ ผู้วิจัย
โดยผู้วิจัยจะกำหนอเกณฑ์ในการติดตามและประเมินผล
ตลอดจนควบคุมแนวทางการปฏิบัติและนำผลนั้นมาปรับปรุงรูปแบบกิจกรรมการดำเนิน งาน
แล้วนำไปทดลองใช้ใหม่จนกว่าจะได้ผลที่ผู้วิจัยพึงพอใจ
จากนั้นก็นำไปใช้และเผยแพร่ต่อไป ซึ่งการวิจัยเชิงปฏิบัติการนี้อาจมีส่วนร่วมหรือไม่มีส่วนร่วมก็ได้
แนวคิดพื้นฐานของ PAR
PAR เป็นกระบวนการที่ไม่หยุดนิ่ง
เชื่อว่าทุกคนมีศักยภาพที่จะร่วมกันเรียนรู้
เริ่มจากความรู้สึกของคนที่มีต่อปัญหา
กระบวนการวิจัยต้องทำอย่างต่อเนื่อง
วัตถุประสงค์ของ PAR
เพื่อปลูกจิตสำนึกให้คนในชุมชนตระหนักในปัญหา
หน้าที่ และร่วมกันแก้ปัญหาของตนเอง
เพื่อให้ชุมชนได้เรียนรู้แบบพหุภาคี
(Steak Holder)
เพื่อให้ชุมชนร่วมกิจกรรมทางเศรษฐกิจ
สังคม การเมือง
เพื่อส่งเสริมกิจกรรมกลุ่ม
และการทำงานร่วมกันแก้ปัญหาและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง
แนวคิดของการวิจัยเชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วม
กมล สุดประเสริฐ (2540,8-9) ได้กล่าวถึงการวิจัยเชิงปฏิบัติการอย่างมีส่วนร่วม
(PAR) ว่า.......มาจากความเชื่อดังนี้ เชื่อว่า PAR เป็นกระบวนการที่เอนเอียงไปทางประชาธิปไตย เพราะ PAR เป็นกระบวนการทำงานร่วมกัน และ เชื่อว่า PAR ทำให้คนต้องพัฒนาตนเอง
และ PAR เกิดจากประชาชนต้องการแสวงหาความรู้ในการแก้ปัญหาของตนเอง
เป็นเครื่องมือหนึ่งในการช่วยคนยากจนและด้อยโอกาส
ด้วยการวางพื้นฐานร่วมกันระหว่างหน่วยงานพัฒนาทั้งหลายกับชุมชน ซึ่ง PAR จะเน้นหนักการเรียนรู้จากประสบการณ์ เพราะ PAR อาศัยการยอมรับของประชาชนได้สืบทอดต่อเนื่องเป็นประสบการณ์หลากหลาย
หลักการของการวิจัยเชิงปฏิบัติการอย่างมีส่วนร่วม
- ให้ความสำคัญและเคารพต่อภูมิความรู้ของชาวบ้าน
โดยยอมรับว่าความรู้พื้นบ้าน ตลอดจนระบบการสร้างความรู้
และกำเนิดความรู้ในวิธีอื่นที่แตกต่างไปจากของนักวิชาการ
- ปรับปรุงความสามารถและศักยภาพของชาวบ้านด้วยการส่งเสริม
ยกระดับและพัฒนาความเชื่อมั่นในตัวเองของเขา
ให้สามารถวิเคราะห์และสังเคราะห์สถานการณ์ปัญหาของเขาเอง
- ให้ความรู้ที่เหมาะสมกับชาวบ้านและคนยากจน
โดยให้สามารถได้รับความรู้ที่เกิดขึ้นในระบบสังคมของเขา
และสามารถที่จะทำความเข้าใจ แปลความหมาย ตลอดจนนำไปใช้ได้อย่างเหมาะสม
- สนใจปริทัศน์ของชาวบ้าน
โดยการวิจัยเชิงปฏิบัติการอย่างมีส่วนร่วมจะช่วยเปิดเผยให้เห็นคำถามที่ตรงกับปัญหาของชาวบ้าน
- ปลดปล่อยความคิด
การวิจัยเชิงปฏิบัติการอย่างมีส่วนร่วมจะช่วยให้ชาวบ้านและคนยากจนสามารถใช้ความคิดเห็นของตนอย่างเสรี
การวิจัยเชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วม
ให้ประชาชนในชุมชนได้มีโอกาสเข้ามาเป็นนักวิจัยร่วมกันในการร่วมคิดวางแผนและตัดสินใจในการวิจัย
ชุมชนจะมีส่วนร่วมตลอดกระบวนการการวิจัยตั้งแต่การศึกษาชุมชน วิเคราะห์ปัญหา
วางแผน ลงมือปฏิบัติ และติดตามประเมินผล การมีส่วนร่วมของประชาชนในชุมชนก่อให้เกิดการพัฒนาที่มาจากชุมชนลดการพึ่งพิงจากสังคมภายนอกให้ประชาชนตัดสินใจร่มกัน
ชาวบ้านเป็นศูนย์กลาง พึ่งพาตนเองได้ และจะก่อการสร้างองค์ความรู้จากการผสมผสานความรู้ของนักวิชาการกับความรู้พื้นบ้านให้เกิดองค์ความรู้ใหม่
ซึ่งเป็นการเรียนรู้ร่วมกัน รวมทั้งยังเกิดการผสมผสานความรู้จากทฤษฎี (จากนักวิจัย)
และการปฏิบัติ (จากชาวบ้าน) เข้าด้วยกัน ความรู้ที่ประชาชนได้รับจาก PAR เป็นการปฏิบัติที่ไม่ใช่การเข้าใจเพียงอย่างเดียวแต่จะเกิดจากการลงมือกระทำให้ความเข้าใจ
(ดั้งเดิม) ที่เป็นนามธรรมออกมาสู่การปฏิบัติที่เป็นรูปธรรม ทั้งนี้จะเห็นได้ว่า PAR นั้นเป็นการวิจัยที่นำไปสู่การพัฒนาทั้งวิธีการวิจัยและการพัฒนามนุษย์อย่างแท้จริง
ประโยชน์ที่ได้รับจากการวิจัยเชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วม
ชาวบ้าน
ประชาชน จะตื่นตัว ได้รับการศึกษามากขึ้น
สามารถคิดและวิเคราะห์เหตุการณ์ต่างๆ ได้อย่างถูกต้อง การแก้ไขปัญหา
การจัดสรรทรัพยากรต่างๆ จะมีการกระจายอย่างทั่วถึงและเป็นธรรม รวมทั้งข้อมูลข่าวสารที่ส่งผลให้คุณภาพชีวิตของคนในชุมชนดีขึ้น
และผู้วิจัย นักพัฒนา จะได้เรียนรู้จากชุมชนได้ประสบการณ์ในการทำงานร่วมกับชุมชน
อันก่อให้เกิดความเข้าใจชุมชนได้ดีขึ้น และเกิดแนวคิดในการพัฒนา ที่ยั่งยืนและบูรณาการ
ตนเองอย่างแท้จริง
....................................................................