Utopia คือนัยของความสมบูรณ์ในอุดมคติ ส่วน Heterotopias คือพื้นที่ในสังคมที่ถูกทับซ้อนด้วยมิติปัญหาต่างๆในสังคมที่มีความสัมพันธ์ทั้งพื้นที่ว่างเเละสถานที่ที่อาจถูกใช้ทำให้เกิดพื้นที่ที่ไม่ปกติ (Other Spaces) เกิดขึ้น
Utopia หรือ ยูโทเปีย เป็นการเล่นคำ outopia จากภาษากรีกที่แปลว่า “ไม่มีสถานที่ใดๆ หรือ No place” กับคำว่า Eutopia ที่แปลว่า “สถานที่ที่ดี หรือ good place” จึงทำให้เกิดความหมายที่ผสมผสานเเละได้นัยของความหมายว่า “Utopia จะเป็นสังคมที่สมบูรณ์แบบแต่มันก็ไม่มีทางไปจุดนั้นถึงได้”
นั่นเพราะ...ได้มีการนำเสนอผ่านงานศิลปะและวรรณกรรมในรูปแบบที่มีนัยยะที่มีความหมายถึงว่า “เราไม่ต้องการที่จะนำเสนอภาวะสมบูรณ์หรือพื้นที่ที่เป็นอุดมคติแบบยูโทเปียที่เป็นจริงเพียงในจินตนาการ....เพราะว่า...พื้นที่ของนักเขียนและศิลปินจะเน้นระดับของความเป็นจริงแท้สูงมาก...นั่นจึงทำให้มีพื้นที่ว่างสำหรับความขัดแย้งและตรงกันข้ามกับความจริงอาศัยอยู่ในพื้นที่ว่างนั้นด้วย....เเละทำให้พื้นที่ว่างตรงนั้นมักจะมีแนวโน้มที่เดินคู่ขนานไปกับเส้นทางของสังคมที่มีอยู่จริง
จึงทำให้อีกมุมมองนั้นทั้งในส่วนของงานวรรณกรรมและทางงานศิลปะ….ได้สร้างและนำเสนอมิติแห่งพื้นที่แบบ เฮเทอโรโทเปีย(Heterotopias) เข้าไปด้วยเพราะวรรณกรรมจะมีการพรรณนาถึงพื้นที่ที่มีอยู่แล้วแต่ยังคงตั้งหน้าตั้งตาที่จะแสดงออกถึง “ความปรารถนาให้เป็นไปตามสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้นจริงในโลกนี้ลงไปด้วย”
Michel Foucault กล่าวว่า "ยูโทเปียเป็นสถานที่ที่ไม่มีอยู่จริงในที่ใดๆทั้งสิ้น เพราะยูโทเปียเป็นสถานที่ที่จินตนาการขึ้นมาในลักษณะ แนวเทียบๆแบบตรงๆเเละมักสวนทางกันกับสังคมที่เป็นอยู่จริงนั่นเพราะว่า “ยูโทเปียคือสังคมที่มีความสมบูรณ์จากในตัวเองหรือจากการที่ถูกสังคมกลับหัวกลับหางใหม่เพราะอาจจะเกิดจากการที่สภาพสังคม ณ ที่เป็นอยู่ตรงนั้นอาจจะไม่สามารถตอบโจทย์ของความต้องการหรือความสุขในระดับมหภาคของสังคมนั้นๆก็เป็นได้” อาจเป็นไปได้ว่าในทุกวัฒนธรรมและทุกอารยธรรมก็มีสถานที่ที่ดำรงอยู่จริงเช่นกันและตั้งอยู่ในส่วนที่เป็นฐานรากลึกสุดของสังคมเหมือนกับอะไรบางอย่างที่คอยถ่วงน้ำหนักหรือคานสังคมไว้ พื้นที่นี้ตรงกันข้ามกับยูโทเปีย Utopia นั้นคือ “Heterotopias หรือ เฮเทอโรโทเปีย”
Heterotopias หรือเฮเทอโรโทเปีย หรืออีกชื่อคือ Other Space เป็นการเรียนรู้จากพื้นที่ของสังคมที่สามารถทำให้ชี้วัดได้ถึงกรอบของความปกติออกจากความไม่ปกติได้อย่างชัดเจนที่สุดเพราะทำให้เกิดความเข้าใจในความสัมพันธ์ของโครงสร้างทางสังคมในพื้นที่นั้นๆว่ามีโครงสร้างเป็นอย่างไร มีอำนาจใดอยู่ในพื้นที่เเละใช้พื้นที่นั้นๆอย่างไรบ้าง รวมทั้งยังสามารถทำให้รู้ได้ว่าอำนาจเหล่านั้นแสดงอำนาจต่อสังคมนั้นได้อย่างไรเเละส่งผลกระทบได้แค่ไหนอีกด้วย
นั่นเพราะความสัมพันธ์ระหว่างมิติของพื้นที่ว่างทางสังคม และ มิติของพื้นที่ว่างทางสถาปัตยกรรม ตามทฤษฎีที่ว่าด้วยอำนาจและการใช้อำนาจ หรือ Theory of Power คือการมีภาวะของ 2 ขั้วอำนาจอยู่ร่วมกัน ซึ่งในที่นี้หมายความเเละยกตัวอย่างได้ถึง “การมีพื้นที่ระหว่างพื้นที่ว่างของสังคม (พื้นที่ที่เหมาะสมกับการใช้อำนาจก่อเหตุ) กับพื้นที่ว่างทางสถาปัตยกรรม (หรือพื้นที่ๆเป็นรูปธรรม)”
ตัวอย่าง
“การที่สังคมมีพื้นที่ของสะพานลอยที่ไม่เหมาะสมกับการใช้งานจึงทำให้เกิดพื้นที่รกร้างเพราะขาดการดูแลจากผู้ที่มีหน้าที่รับผิดชอบเเละเมื่อเกิดพื้นที่รกร้างขึ้นนั้นจึงทำให้เกิดกลุ่มคนที่แฝงตัวอยู่ใต้เงาปัญหาของสังคมได้เล็งเห็นความเหมาะสมที่จะใช้พื้นที่นั้นเพื่อก่อเหตุผิดปกติไปจากสังคมนั้นขึ้นได้ เมื่อเกิดพื้นที่ว่างที่สัมพันธ์กับการแสดงหรือใช้อำนาจที่ผิดปกติของสังคมขึ้น
เช่นการปล้น มันจึงทำให้เกิดผลลัพธ์ของความวุ่นวายหรือการสร้างปัญหาให้เกิดขึ้นกับพื้นที่ของสังคมนั้นในที่สุดเเละอาจเกิดขึ้นกับสังคมอื่นๆที่มีลักษณะพื้นที่ที่เหมือนกันได้อีกด้วย” เป็นต้น
สรุป
มิติแห่งพื้นที่แบบ เฮเทอโรโทเปีย (Heterotopias) หรือพื้นที่ว่างอื่นๆ Other Space คือ พื้นที่ของการปฏิเสธภาวะทางสังคมเเละในขณะเดียวกันนั้นเฮเทอโรโทเปีย (Heterotopias) หรือ Other Space ก็ยังทำหน้าที่ของการแสดงภาพของความเป็นเป็นได้ของพื้นที่นั้นๆในรูปแบบที่ต่างออกไปกลับเข้าไปสู่สังคมให้ได้ทราบในลักษณะของการลดช่องว่างในพื้นที่ที่ชี้วัดปัญหากับพื้นที่ที่เกิดปัญหาจริงที่สลายไปเพราะ เฮเทอโรโทเปีย (Heterotopias) หรือ Other Space นั้นจะสอดแทรกการนำเสนอลักษณะในการบริหารจัดการทำการปกปิดหรือซ่อนกลุ่มบุคคลที่มีความผิดปกติไปจากมาตราฐานหรือบุคคลที่อยู่นอกเหนือจากกรอบมาตราฐานที่จะทำให้สังคมอันปกติดำเนินต่อไปไม่สามารถดำเนินไปได้อย่างปกติออกจากบุคคลอื่นๆโดยใช้พื้นที่เป็นกรอบกั้น” นั่นจึงทำให้ทราบได้ว่า การสร้างภาพในความคิดทั้งยูโทเปีย Utopia และเฮเทอโรโทเปีย (Heterotopias) มีความเกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดกับสภาวะจริงของชีวิตที่ดำรงอยู่ไม่ว่าผลที่ปรากฏจะเป็นการปฏิเสธสังคมหรือความหวังที่จะเปลี่ยนแปลงสังคมให้ดีขึ้น"
.......................................