เป็นเทคนิคการวิจัยซึ่งรวบรวมข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่างของประชากรเป็นวิธีการที่ใช้มากที่สุดในการรวบรวมข้อมูลปฐมภูมิโดยใช้แบบสอบถาม
ผู้วิจัยจะต้องตัดสินใจแสดงถึงเทคนิคการออกแบบพื้นฐาน
4 ประการที่ใช้ในการวิจัยเชิงพรรณนาและการวิจัยเชิงเหตุผล ดังวิธีการ ดังนี้
1.การสำรวจ (Survey)
2.การทดลอง (Experiments)
3.การศึกษาข้อมูลทุติยภูมิ
(Secondary data study) หรือข้อมูลประวัติศาสตร์ (Historical
data)
4.การสังเกต (Observation
techniques)
การเขียนแบบสอบถามการกำหนดรายการของคำถามการออกแบบคำถามที่มีการจัดพิมพ์หรือเป็นลายลักษณ์อักษรเป็นลักษณะของการพัฒนาการออกแบบงานวิจัยเชิงสำรวจการวิจัยเชิงสำรวจอาจใช้โทรศัพท์ จดหมาย หรือใช้บุคคลสัมภาษณ์ก็ได้
การทดลอง (Experiments)
การทดลองจะใช้มากในการกำหนดความสัมพันธ์ระหว่างเหตุและผล(Cause-and-effect relationships) การทดลองเป็นการสำรวจการเปลี่ยนแปลงในตัวแปรหนึ่ง
หรือหลายตัวแปรเพื่อวัดผลกระทบต่อตัวแปรตาม เช่น
การวิเคราะห์ถึงสาเหตุของการออกจากงาน การขาดงานหรือการมาสาย
การศึกษาข้อมูลทุติยภูมิ (Secondary
data study)
หรือข้อมูลประวัติศาสตร์
หมายถึงการศึกษาข้อมูลที่อยู่ในลักษณะของเอกสารต่างๆ
ที่บุคคลอื่นหรือหน่วยงานอื่นเก็บรวบรวมไว้แล้ว เช่น สถิติ รายงาน
เอกสารที่ตีพิมพ์และไม่ตีพิมพ์ที่คาดว่าจะมีข้อมูลเกี่ยวกับการวิจัย
การสังเกต (Observation
techniques)
โครงการวิจัยหลายโครงการใช้การบันทึกโดยการสังเกต
ตัวอย่าง การสังเกตขั้นตอนการทำงานและวิธีการใช้เครื่องสำนักงานต่าง ๆ
การทำงานเป็นทีมการบริหารเวลา
การประเมินการออกแบบการวิจัย (Evaluating
research designs)
ด้วยวลีที่ว่า “ไม่มีการออกแบบงานวิจัยวิธีใดที่ดีที่สุด” ดังนั้นจึงไม่มีกฎเกณฑ์ที่ยากที่สุดหรือดีที่สุดในการวิจัยธุรกิจด้วยเหตุนี้ไม่มีผู้วิจัยจะต้องเผชิญกับความสับสนและต้องเผชิญกับวิธีการที่เป็นทางเลือกในการแก้ปัญหาหลายประการ
เพราะไม่มีวิธีการที่ถูกต้อง ที่เป็นมาตรฐานในการทำงานวิจัยเรื่องใดเรื่องหนึ่ง งานวิจัยจะไม่เริ่มจนกว่าจะค้นหาการออกแบบ
งานวิจัยที่ถูกต้อง เพราะมีหลายวิธีที่ใช้ในการแก้ปัญหา บางวิธีดี เหมาะสม
แต่บางวิธีไม่ดี ไม่เหมาะสม บางครั้งอาจจะใช้หลายวิธีร่วมกัน
เนื่องจากไม่มีการออกแบบงานวิจัยใดที่จะสมบูรณ์แบบ
การเลือกเทคนิค การวิจัยเชิงสำรวจ (Selection
of exploratory research technique)
เพื่อค้นหาปัญหา (Problem discovery) การวิจัยเชิงสำรวจ
(Exploratory research) เป็นกิจกรรมเบื้องต้นเกิดขึ้นหลังจากมีการกำหนดปัญหา
คือ การทำให้ปัญหาอยู่ในรูปของแบบฟอร์มการวิจัยจุดมุ่งหมาย การวิจัยเชิงสำรวจก็คือ
การทำให้ขอบเขตของการวิจัยแคบขึ้นและเปลี่ยนปัญหาที่คลุมเครือเป็นปัญหาที่ชัดเจนขึ้น
โดยมีวัตถุประสงค์ในการวิจัยเฉพาะอย่าง การสำรวจการศึกษาในสิ่งใดสิ่งหนึ่ง
การอธิบายเกี่ยวกับลักษณะเฉพาะบุคคล และการสำรวจสถานการณ์
ซึ่งจะสามารถทำให้แนวความคิดชัดเจนยิ่งขึ้น หลังจากการสำรวจแล้วผู้วิจัยจะต้องทราบข้อมูลเพื่อรวบรวมลักษณะที่เป็นทางการของโครงการ
และวิธีการปฏิบัติตามโครงการนั้น
ดังนั้นการตัดสินใจจะต้องคำนึงถึงการเลือกเทคนิคการวิจัยเชิงสำรวจ
เทคนิคการวิจัยเชิงสำรวจ ได้แก่
1.การวิเคราะห์ข้อมูลทุติยภูมิ
(Secondary data analysis)
2.การศึกษานำร่อง (Pilot
study)
3.การศึกษากรณีศึกษา
(Case study)
4.การสำรวจเชิงประสบการณ์
(Experience surveys)
การวิเคราะห์ข้อมูลทุติยภูมิ (Secondary
data analysis)
ข้อมูลทุติยภูมิ Secondary
data อาจจะเรียกว่า ข้อมูลประวัติศาสตร์
(Historical data) เป็นข้อมูลที่มีการเก็บรวบรวมเอาไว้แล้วในโครงการวิจัยอื่น
ข้อมูลปฐมภูมิ (Primary
Data) เป็นข้อมูลที่เก็บรวบรวมจากโครงการวิจัยที่ทำอยู่ ข้อมูลทุติยภูมิสามารถหาได้ทั้งจากภายในหรือภายนอก
เช่น ข้อมูลจากคอมพิวเตอร์ ห้องสมุดชุมชนต่าง ๆ ห้องสมุดมหาวิทยาลัย
และหน่วยธุรกิจต่าง ๆ
การสำรวจเชิงวรรณกรรมจากบทความ หนังสือ
หรือเอกสาร
ที่มีการจัดพิมพ์ไว้แล้วเกี่ยวกับวิธีที่มีการอภิปรายและการศึกษาเชิงทดลองในอดีตเกี่ยวกับหัวข้อ
ซึ่งเป็นขั้นแรกที่มีความเป็นสากลในโครงการการวิจัยวิชาการ
การสำรวจเชิงวรรณคดีจะใช้แนวการวิจัยประยุกต์จำนวนมาก
การศึกษานำร่อง (Pilot
study)
เป็นการสำรวจที่ทำก่อนการสำรวจจริงโดยใช้วิธีต่าง
ๆ เหมือนการศึกษาจริง แต่ขอบเขตแคบกว่า เพื่อตรวจสอบขั้นตอนต่าง ๆ ว่าถูกต้องหรือไม่
มีปัญหาอุปสรรคที่ต้องแก้ไขก่อนหรือไม่ การศึกษานำร่องอาจจะใช้ในการวิจัยเชิงสำรวจ (Exploratory
research) โดยวิธีการเก็บรวบรวมข้อมูลอย่างไม่เป็นทางการและการค้นหาข้อสรุปบางประการ
การศึกษานำร่องซึ่งนิยมใช้ในปัจจุบัน
คือการสัมภาษณ์กลุ่มเฉพาะ (Focus
group interview) ประกอบด้วย 6-10 คน
ซึ่งกำหนดโดยข้อสมมติที่ว่าบุคคลเต็มใจที่จะแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องใดเรื่องหนึ่งและเต็มใจที่จะแสดงความคิดเห็นร่วมกับบุคคลอื่น ข้อมูลที่ได้จากการศึกษาจะเป็นข้อมูลเชิงคุณภาพ
(Qualitative) เพื่อนำไปสู่การศึกษาเชิงปริมาณ (Quantitative
) ต่อไป
การศึกษากรณีศึกษา (Case
study)
เป็นการค้นหาปัญหาการวิจัยโดยการวิเคราะห์จากกรณีศึกษาของงานวิจัยซึ่งมีผู้ทำไว้แล้ว
การสำรวจเชิงประสบการณ์ (Experience
surveys)
เป็นการค้นหาปัญหาการวิจัยโดยอาศัยประสบการณ์ส่วนตัวของผู้วิจัยและผู้บริหาร
.......................................